วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

ความหมายของเทคโนโลยี

ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
       คือ อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมข้อมูล  การเก็บรักษา เผยแพร่ข้อมูลและสารสนเทศโดยรวมประกอบด้วย เช่น ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูล และการสื่อสารการคมนาคม
ความหมายของข้อมูล
      ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ หรือข้อมูลดิบที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล ซึ่งข้อมูลอาจจะเป็นตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง หรือภาพเคลื่อนไหวก็ได้
ความหมายของสารสนเทศ
      คือ ข้อมูลที่ผ่านการประมวลหรือจัดระบบแล้ว  เพื่อให้มีความหมายและมีคุณค่าสำหรับผู้ใช้
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์
  1. ฮาร์ดแวร์ ( Hardware )
    3. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
    4. บุคลากร
    5. ข้อมูล
  - ฮาร์ดแวร์ ( Hardware )  หมายถึง อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น
- ซอฟต์แวร์ ( Software )  หมายถึง โปรแกรม หรือชุดคำสั่งที่ควบคุมให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ต้องมีซอฟต์แวร์ซึ่งเป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานตามต้องการได้ โดยโปรแกรมหรือชุดคำสั่งนั้นจะเขียนจากภาษาต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เรียกว่า ภาษาคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
                1) ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
                2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
- เครือข่าย Network คือ การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน  เพื่อช่วยไหม้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และช่วยในการติดต่อสื่อสาร

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/554559

สัตว์น่ารักๆ

    น้องต่ายปุกปุย
 น้องแมวน่ารัก
พี่แมวมาแล้วจ้าา

 น้องหมาเลิฟๆ

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

pokemon

                                         โปเกมอน (ญี่ปุ่น: ポケモン Pokémon ?)


หรือในชื่อเต็มว่า พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ (ญี่ปุ่น: ポケットモンスター Poketto Monsutā ทับศัพท์จาก Pocket Monster ?[1][2]) เป็นสื่อแฟรนไชส์ที่จัดพิมพ์และเป็นของนินเทนโดบริษัทวิดีโอเกมสัญชาติญี่ปุ่น และสร้างโดยซาโตชิ ทาจิริ เมื่อปี ค.ศ. 1996 แรกเริ่มออกจำหน่ายวิดีโอเกมแนวบทบาทสมมุติบนเครื่องเล่นสายเกมบอยชนิดเล่นเชื่อมกันได้ระหว่างเครื่องต่อเครื่องพัฒนาโดยบริษัทเกมฟรีค ตั้งแต่นั้นมา
โปเกมอนกลายมาเป็นสื่อแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและได้กำไรมากเป็นอันดับ 2 รองจากแฟรนไชส์มาริโอ[3] โปเกมอนถูกจำหน่ายในรูปของอะนิเมะ มังงะ เกมสะสมการ์ด ของเล่น หนังสือ และสื่ออื่นๆ แฟรนไชส์โปเกมอนได้ฉลองครบรอบ 10 ปีไปเมื่อปี ค.ศ. 2006[4] และจนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ยอดขายสะสมของวิดีโอเกม (รวมถึงเครื่องเล่นเกมคอนโซล เช่น นินเทนโด 64 ลายพิกะจู) ขึ้นถึงมากกว่า 200 ล้านสำเนา[5] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 บริษัท 4คิดส์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่จัดการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์โปเกมอนที่ไม่ใช่เกม ประกาศว่าบริษัทเห็นว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวแทนแฟรนไชส์โปเกมอนใหม่ บริษัทโปเกมอนของสหรัฐอเมริกา (ปัจจุบันคือบริษัทเดอะโปเกมอน) สาขาย่อยของบริษัทโปเกมอนในญี่ปุ่น มีหน้าที่ตรวจตราลิขสิทธิ์โปเกมอนนอกทวีปเอเชีย[6] ชื่อโปเกมอนเป็นการย่อคำโรมะจิของยี่ห้อ พ๊อคเก็ต มอนสเตอร์ ญี่ปุ่น: Pocket Monsters ポケットモンスター Poketto Monsutā ?[7] ซึ่งเป็นการย่อคำที่พบได้ทั่วไปในญี่ปุ่น คำว่าโปเกมอน นอกจากจะอ้างถึงตัวแฟรนไชส์โปเกมอนแล้ว ยังหมายถึงสิ่งมีชีวิตในนิยาย 649 สปีชีส์ ที่ปรากฏตัวในสื่อโปเกมอนซึ่งได้ออกมาถึงเกมโปเกมอนรุ่นที่ห้าในชื่อ โปเกมอนแบล็ค 2 และไวท์ 2 และด้วยรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกมาของโปเกมอนเอ็กซ์และวาย มีโปเกมอนชนิดใหม่ 6 ตัวปรากฏในสื่อสนับสนุนตัวเกมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ในประเทศไทย ได้มีการนำการ์ตูนโปเกมอนมาฉายทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในรายการโมเดิร์นไนน์การ์ตูน และฉายทางทรูสปาร์ก, ทรูโฟร์ยู ของทรูวิชันส์

                                                



                                                


                                           

scooby-doo

                                                                              สกูบี้-ดู
(อังกฤษ: Scooby-Doo) เป็นแฟรนไชส์การ์ตูนเคลื่อนไหวอเมริกัน ประกอบด้วยซีรีส์โทรทัศน์แอนิเมชันหลายซีรีส์ซึ่งผลิตตั้งแต่ปี 2512 จนปัจจุบัน ซีรีส์ดั้งเดิม Scooby-Doo, Where Are You! ผลิตให้ฮันนา-บาร์เบราโปรดักชันส์โดยนักเขียน โจ รูบีและเคน สเพียส์ในปี 2512 ซีรีส์เช้าวันเสาร์นี้นำแสดงโดยวัยรุ่นสี่คน คือ เฟรด โจนส์, แดฟนี เบลก, เวลมา ดิงค์ลีย์, และ นอร์วิล "แชกกี" โรเจอส์ และพาหมาเกรตเดนสีน้ำตาลไปด้วย ชื่อ สกูปี-ดู ผู้ไขปริศนาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติผ่านการกระทำชวนหัวและความผิดพลาดต่าง ๆ[1] ในปี 2556 ทีวีไกด์จัดอันดับสกูบี้-ดู เป็นการ์ตูนทีวียอดเยี่ยมตลอดกาลอันดับห้า[2]





วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

พืชไร้ดอก

                                                                                 พืชไร้ดอก
       หมายถึง            พืชที่ตลอดการดำรงชีวิตไม่สามารถออกดอกเพื่อใช้ในการสืบพันธุ์ พืชไร้ดอกคือพืชชนิดหนึ่งที่ไม่มีดอก ไม่สามารถสืบพันธุ์โดยใช้เมล็ด แต่พืชไร้ดอกจะใช้การผสมพันธุ์โดยแบ่งเซลล์ การแตกหน่อ และการใช้ สปอร์
เช่น เห็ด รา สาหร่าย ตะไคร่ เป็นต้น พืชไร้ดอกจะเป็นพืชชั้นต่ำ เป็นพืชที่มีส่วนประกอบไม่ครบถ้วนเหมือนกับพืชดอก ลักษณะของพืชไร้ดอก
 พืชไร้ดอก หมายถึง พืชที่มีส่วนประกอบต่างๆ ไม่ครบ โดยเฉพาะจะไม่มีดอก จัดเป็นพืชชั้นต่ำ พืชไร้ดอกบางชนิดมีสีเขียว ได้แก่ เฟิร์น มอส ตะไคร่น้ำ สาหร่ายบางชนิด ไม่มีสีเขียว ได้แก่ เห็ด รา ยีสต์ แบคทีเรีย และพืชไร้ดอกแต่ละชนิดจะมีลักษณะ แตกต่างกันด้วย ประเภทของพืชไร้ดอก พืชไร้ดอกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
 1. พืชไร้ดอกที่มีคลอโรฟิลล์
 2. พืชไร้ดอกที่ไม่มีคลอโรฟิลล์ พืชไร้ดอกที่มีคลอโรฟิลล์ (สารสีเขียว) เป็นพืชที่สามารถสร้างอาหารได้เอง เช่น เฟิร์น มอส ตะไคร่น้ำ สาหร่าย พืชไร้ดอกที่ไม่มีคลอโรฟิลล์ เป็นพืชที่ไม่สามารถสร้างอาหารได้เอง ต้องอาศัย อาหารจากสิ่งอื่น เช่น เห็ด รา ยีสต์ แบคทีเรีย การสืบพันธุ์ของพืชไร้ดอก เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เพราะเป็นพืช ชั้นต่ำ ไม่มีดอก มีอวัยวะต่างๆ ไม่ครบ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชไร้ดอก มีวิธีการต่างๆ เช่น การแตกหน่อ, การสร้างสปอร์, การแบ่งตัว ดังนี้
 1. เฟิร์น สืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ สปอร์จะอยู่ภายในอับสปอร์ที่อยู่ใต้ใบ หรือที่ก้านใบ เมื่อแก่เต็มที่อับสปอร์ซึ่งเป็นถุงเล็ก ๆ จะแตกออกและปลิวไปตามลม เมื่อตกในที่เหมาะก็จะงอกเป็นต้นใหม่
 2. สาหร่าย สาหร่ายเซลล์เดียวสืบพันธุ์โดยการแบ่งตัว สาหร่ายหลายเซลล์ สืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์หรือผสมระหว่างเซลล์ตัวผู้และเซลล์ตัวเมีย
 3. เห็ด สืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ สปอร์จะอยู่ภายในริ้วหรือครีบใต้ส่วนหัว ที่คล้ายหมวก ส่วนที่เราเรียกดอกเห็ดนั้น เป็นส่วนหนึ่งของต้นเห็ด ทำหน้าที่สร้าง สปอร์ ต้นเห็ดจริง ๆ เป็นเส้นสายสีขาว ๆ อยู่ในสิ่งที่มันอาศัยอยู่ สปอร์เมื่อแก่ก็จะ ปลิวไปยังที่ต่างๆ เมื่อมีความชุ่มชื้น อาหาร แสงแดดพอเหมาะก็จะงอกเป็นต้นเห็ด
 4. รา สืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ มีลำต้นเป็นเส้นใย รามีหลายสี เช่น สีส้ม, สีดำ, สีเหลือง, สีเขียว
 5. ยีสต์ มีการสืบพันธุ์สองแบบ เมื่อมีอาหารบริบูรณ์จะแตกหน่อเกิดต้นใหม่ เมื่อมีอาหารฝืดเคืองจะสืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์
 6. บัคเตรี จะสืบพันธุ์โดยวิธีการแบ่งตัวเมื่อมีอาหารสมบูรณ์

การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ

                                                            การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ

 1.การปักชำ เป็นการขยายพันธุ์พืชโดยการตัดส่วนของพืชออกจากต้นเดิมมาปัก ลงในดินหรือทราย ทีมีความชื้นสมควร แล้วรดน้ำทุกวัน จนเกิดรากแตกออกมาปริมาณมากเเละเเข็งแรงจึงนำไปปลูกลงในดิน 2. การตอนกิ่งคือ การทำให้กิ่งหรือต้นพืชเกิดรากขณะติดอยู่กับต้นแม่ จะทำให้ได้ ต้นพืชใหม่ ที่มีลักษณะทางสายพันธุ์ เหมือนกับต้นแม่
 3. การทาบกิ่งคือ การนำต้นพืช 2 ต้นเป็นต้นเดียวกัน โดยส่วนของต้นตอที่นำมา ทาบกิ่ง จะทำหน้าที่เป็นระบบรากอาหารให้กับต้นพันธุ์ดี
 4.การติดตาคือ การเชื่อมประสานส่วนของต้นพืชเข้าด้วยกัน เพื่อให้เจริญเป็นพืชต้น เดียวกัน โดยการนำแผ่นตาจากกิ่งพันธุ์ดี ไปติดบนต้นตอ
 5. การเสียบยอดการเชื่อมประสานเนื้อเยื่อของต้นพืช 2 ต้นเข้าด้วยกัน เพื่อให้เจริญเติบโต เป็นต้น

                                                     

การปฏิสนธิของพืช

                                                                               การปฏิสนธิ
 คือ เซลล์สืบพันธุ์ตัวผู้ (ละอองเรณู) ผสมกับเซลล์สืบพันธุ์ ตัวเมีย (ไข่อ่อน) เมื่อเกิดการถ่ายละอองเรณู ละอองเรณูตกลงบนยอดเกสรตัวเมียและ ได้รับอาหารที่ยอดเกสรตัวเมีย จะงอกหลอดไปตามเกสรตัวเมีย และเข้าไปผสม กับเซลล์ไข่ (ไข่อ่อน) ภายในรังไข่

 ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 ละอองเรณูปลิวไปตก ละอองเรณูงอกหลอด ละอองเรณูไปผสมกับโอวุล บนยอดเกสรตัวเมีย ไปตามเกสรตัวเมีย เกิดการปฏิสนธิ การเปลี่ยนแปลงของดอกหลังการปฏิสนธิ หลังจากการปฏิสนธิยอดและก้านชูเกสรตัวเมียจะเหี่ยวลง กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียก็จะแห้งแล้วร่วงหลุดไป ส่วนรังไข่และโอวุลจะมีการเจริญเติบโตต่อไป โดยรังไข่จะเจริญกลายเป็นผล ส่วนโอวุลจะเจริญไปเป็นเมล็ด ซึ่งภายในเมล็ดจะเก็บต้นอ่อน และอาหารสะสมไว้ ภายในเพื่อเกิดเป็นต้นใหม่ต่อไป

การสืบพันธุ์ของพืชมีดอก



การสืบพันธุ์ของพืชมีดอก พืชมีดอกมีวิธีแพร่พันธุ์แตกต่างกัน พืชดอกจะอาศัยดอกในการสืบพันธุ์ เรียกว่า การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ และกาสรสืบพันธุ์แบบโดยวิธีอื่นที่ไม่ต้องใช้ดอก เรียกว่า
 การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ การถ่ายละอองเกสร การถ่ายละอองเกสร คือ วิธีการที่ละอองเกสรตัวผู้เคลื่อนที่ไป ตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย เพื่อให้เกิดการผสมพันธ์ในโอกาสต่อไป การถ่ายละออง เกสรมี 3 แบบ คือ
 1. การถ่ยละอองเกสรในดอกเดียงกัน พืชที่มีดอกเป็นดอกสมบูรณ์ เพศ คือ มีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกันละอองเกสรตัวผู้สามารถรร่วงหรือ ปลิวมาตกบนยอดเกสรตัวเมียได้พืชที่ถ่ายละอองเกสรในดอกเดียวกัน ได้แก่ ถั่ว มะเขือ ฝ้ายและพืชที่มีดอกสมบูรณ์เพศอื่น ๆ
 2. การถ่ายละอองเกสรข้ามดอกในต้นเดียวกัน เกิดกับพืชที่มีดอก ไม่สมบูรณ์ อะอองเกสรตัวผู้จะต้องเคลื่อนที่ไปตกบนยอดเกสรตัวเมียของดอกหนึ่ง ในต้นเดียวกัน พืชที่ต้องถ่ายละอองเกสรแบบนี้ ได้แก่ ฟักทอง แตงกวา และพืช ที่มีดอกไม่สมบูรณ์เพศอื่น ๆ
 3. การถ่ายละอองเกสรข้างต้น เกิดกับพืชที่มีดอกตัวผู้หรือดอกตัวเมีย อยู่คนละต้น จึงต้องใช้ในการถ่ายละอองเกสรข้ามต้นพืชที่มีดอกสมบูรณ์เพศ หรือพืชที่มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ในต้นเดียวกัน ก็อาจจะถ่ายละอองเกสร ข้ามต้นได้ โดย อาศัยลมหรือสัตว์พาไป

ส่วนประกอบของพืชดอก



พืชดอก หมายถึงพืชที่เมื่อเจริญเติโตเต็มที่แล้วจะออกดอกเพื่อใช้ในการสืบพันธุ์ เช่น กุหลาบ มะลิ ทานตะวัน ชบา กล้วยไม้เป็นต้น






 ส่วนประกอบของดอก พืชมีอยู่หลายชนิดหลายพันธุ์ ดอกของพืชดอกจึงมีลักษณะขนาดและสีที่ ต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าจะเป็นพืชชนิดใด ดอกจะมีส่วนประกอบที่สําคัญดังนี้

 1. กลีบเลี้ยง เป็นกลีบเล็ก ๆ สีเขียว อยู่ล่างสุดของดอก ในระยะที่ดอก เริ่มผลิดอกออกมาใหม่ๆ เราจะเห็นดอกตูมสีเขียว เมื่อดอกตูมขยายโตขึ้น สีเขียวที่หุ้มดอกจะแยกออกมารองรับกลีบดอกกลีบสีเขียวนั้นคือกลีบเลี้ยงนั่น เอง กลีบเลี้ยงจะทําหน้าที่ห่อหุ้มดอกตูม และป้องกันอันตรายให้กลีบดอกในขณะที่ยังออ่นอยู่
 2.กลีบดอก เป็นส่วนที่อยู่เหนือขึ้นมาจากกลีบเลี้ยง กลีบดอกส่นใหญ่ จะมีสีสวยสะดุดตา หลายชนิดมีกลิ่นหอม ความสวยงามของดอกจะขึ้นอยู่กับสี ลักษณะและจํานวนของกลีบดอกเป็นสําคัญ กลีบดอกเป็นส่วนประกอบของ ดอกที่บอบชํ่าง่ายและร่วงโรยเร็วกว่าส่วนประกอบอื่น
 3. เกสรตัว มีลักษณะทั้วไปเป็นคล้ายหลอดอันเล็ก ๆ มักมีสีขาว ปลาย หลอดจะมีอับใส่ละอองเกสร รูปร่างค่อนข้างกลมเกสรตัวผู้จะอยู่ถัดจากกลีบดอกเข้า มาข้างในดอก ก้านของเกสรตัวผู้อาจจะติดกับกลีบดอก หรือแยกออกมาต่างหาก ก็ได้ แล้วแต่ชนิดของพืช ดอกไม่ดอกหนึ่ง ๆ อาจมีเกสรตัวผู้ตั้งแต่หนึ่งอันไปจนถึง หลาย ๆ อัน
 4.เกสรตัวเมีย เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของดอด อาจจะมีอันเดียวหรือ หลายอันก็ได้ เกสรตัวเมียโดยทั่วไปจะประกอบด้วยรังไข่ที่อยู่ล่างสุด บริเวณฐาน รองดอก ภายในรังไข่จะบรรจุไข่อ่อนเล็ก ๆ ไว้ เหนือรังไข่จะเป็นท่อยาวขึ้นมา เรียกว่า ก้านชูเกสร ในท่อของก้านชูเกสรจะมีเหนียว ๆ อยู่ เพื่อนำเชื้อตัว ผู้ลงมาผสมกับเชื้อตัวเมียในรังไข่ และบนสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย ซึ่งมีนํ้า เหนียวๆ อยู่เช่นกัน นํ้าเหนียวๆ นี้จะช่วยยึดเกาะเกสรตัวผู้ให้เข้ามาผสมกับเกสร ตัวเมียได้ดีขึ้น
 5.ฐานรองดอก เป็นส่วนประกอบที่ทำหน้าที่รองรับส่วนอื่น ๆ ของดอก ฐานรองดอกเป็นที่เจริญเติบโตแผ่ขยายต่อออกมาจาปลายก้านดอก มักจะมีกลีบ เลี้ยงหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง ฐานรองดอกของพืชบางชนิดอาจจะหุ้มรังไขไว้ทั้งหมด เมื่อรังไข่เจริญขึ้น ฐานรองดอกก็เจริญด้วย และฐานรองดอกของพืชบางชนิด กลายเป็นเนื้อของผลที่ใช้รับทานได้เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิล สาลี่ เป็นต้น

พืชดอก

                                                                                                   


                                                                          พืชดอก
หมายถึง พืชที่เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะมีดอกให้เห็น พืชดอกจัดเป็นพืชชั้นสูงที่มีอวัยวะต่างๆ ครบสมบูรณ์ คือ ราก ลำต้น ใบ ตา ดอกและ เมล็ด มีไว้เพื่อสำหรับขยายพันธุ์ พืชดอกมีอยู่ทั่วไปหลายชนิด มีทั้งที่อยู่บนบกและอยู่ในน้ำ ได้แก่
 - พืชดอกที่อยู่บนบก ได้แก่ มะม่วง ชบา กุหลาบ มะเขือ มะขาม มะพร้าว ฟักทอง มะละกอ มะลิ มะกอก
 - พืชดอกที่อยู่ในน้ำ ได้แก่ บัว สันตะวา ผักตบชวา ผักกระเฉด จอก แหน

                                                           พืชดอกแบ่งได้ 2 ประเภท


 1. พืชยืนต้น คือพืชที่มีอายุยืน ส่วนต่างๆ ของลำต้นสามารถเจริญเติบโตได้ ตลอดอายุ ออกดอกออกผลได้หลายครั้ง เช่น ยางพาราและไม้ผลต่าง ๆ พวกมะม่วง มะพร้าว มะขาม กระท้อน เป็นต้น
 2. พืชล้มลุก คือพืชที่มีการเจริญเติบโตเพียงแค่ออกดอกออกผลในระยะเวลา อันสั้น แล้วก็ตาย พืชล้มลุกที่จำเป็นสำหรับมนุษย์มาก ได้แก่ พืชจำพวกผักต่างๆ ผักกาด ผักชี ต้นหอม กะหล่ำปลี บวบ ฟักทอง ฯลฯ
                                               

ส่วนประกอบของพืช

                                                       หน้าที่และส่วนประกอบของพืช

 1. ราก รากของพืชมีหลายชนิด ได้แก่ รากแก้ว รากแขนง รากฝอย รากของพืชส่วนใหญ่ มีหน้าที่ยึดลำต้นให้ตั้งอยู่บนดิน
 2. ลำต้น ลำต้นของพืชแต่ละชนิดจะมีลักษณะแตกต่างกัน ลำต้นของพืชบางชนิดตั้งอยู่บนดิน เช่น มะม่วง มะละกอ ชมพู่ ข้าวโพด เป็นต้น แต่ลำต้นของพืชบางชนิดอยู่ใต้ดินเช่น เผือก ขิง เป็นต้น ลำต้นมีหน้าที่เป็นทางผ่านของอาหารที่สร้างจากใบสู่ส่วนต่าง ๆ
3. ใบ ใบเป็นโครงสร้างที่สำคัญของพืช คือ สร้างอาหาร พืชที่มีใบสีเขียวสามารถสร้างอาหารเองได้ เรียกว่าการสร้างอาหารของพืชว่าการสังเคราะห์ด้วยแสง ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงคือ แป้ง และน้ำตาล ซึ่งพืชใช้เเป็นอาหาร
 4. ดอก ดอกไม้มีอยู่มากมายหลายชนิด บางชนิดมีสีสันสวยงามบางชนิดมีกลิ่นหอมชวนดม
 5. ผล ผล เป็นส่วนที่เจริญมาจากรังไข่หลังจากดอกได้รับการผสมแล้ว ผนังรังไข่ชั้นนอกสุด เจริญเป็นเปลือกของผล เปลือกของผลไม้บางชนิดอ่อนนุ่ม เช่น องุ่น บางชนิดอาจหนาและแข็งมาก เช่น ผลมะพร้าว ถัดจากเปลือกเข้าไปเป็นชั้นของเนื้อซึ่งอาจอ่อนนุ่มหรือแข็งแห้ง ผลไม้ที่มีเนื้อนุ่มเรียกผลสด ส่วนผลไม้ที่มีเนื้อแห้งเรียนผลแห้ง